วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ข้อควรระวังหลังการยืดผม
ข้อควรระวังหลังการยืดผม
เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนที่นิยมเข้าร้านเสริมสวยเพื่อ ยืดผม หวังว่าจะให้มีผมที่ตรงสวยและไม่ชี้ฟู ไม่ต้องกังวลมานั่งเป่าและไดร์ให้เสียเวลาในสภาวะเร่งรีบและต้องแข่งขันกับเวลาอันมีค่าในปัจจุบัน
บอกตรงๆ ก่อนว่าไม่ว่าจะผมยืด ผมดัด ผมทำสี ผมที่ผ่านเคมี "ต้องดูแล" เท่านั้นค่ะ ไม่มีวันที่คุณจะมีผมดีๆ โดยไม่ต้องดูแล แบบผมที่ไม่ผ่านเคมีค่ะ ไม่ว่าจะยืดที่ไหน ถูกหรือแพงแค่ไหนก็ตาม เคมีคือเคมี ถ้าคุณไม่ดูแล ผมก็แย่แน่นอนค่ะ ดังนั้นทางร้านจึงขออนุญาติเขียนข้อควรระวังในการยืดผมไว้ดังนี้ค่ะ
1. ระวังไม่ให้โดนน้ำ หลังจากยืดผม3วันห้ามโดนน้ำอย่างเด็ดขาด เพราะผมจะคืนตัว หลายคนจะคิดว่าไม่สระผมก็แค่นั้นเอง แต่อย่าลืมนะคะ เหงื่อของเราก็เป็นน้ำเช่นเดียวกัน เดินผ่านไอน้ำที่อยู่ตามร้านอาหารร้านกาแฟก็ไม่ได้นะคะ
2. ระวังไม่มัดผมแน่น การมัดผมแน่นจะทำให้ผมหัก หากคุณรัดผมแน่นๆ เช่นรัดด้วยยาง หรือติดกิ๊บแน่นๆ แล้วผมเป็นรอย สระยังไงก็ไม่หายนะคะ
3. ผมยืด อย่าไปซอยสไลด์ปลายบางๆ นะคะ เสียหมดค่ะ จะฟู ไม่อยู่ทรง ที่ยืดมาเป็นอันสูญเปล่า
4. ถ้าคุณยืดผมมาแล้วรู้สึกว่าไม่ตรง เพราะผมคุณยาวประมาณช่วงไหล่ หรือก่อนกลางหลัง (ช่วงที่เป็นตูดเป็ดน่ะค่ะ) ให้ใช้วิธีแก้โดยการ "ก้มหัวไดร์" ค่ะ คือก้มหัวแล้วเอาไดร์เป่าผมเป่าจนแห้ง แนะนำให้เป่าแบบธรรมดาพอหมาดๆ ก่อนค่อยก้มนะคะเป่าต่อ
5. การความสะอาดเส้นผม ในการทำความสะอาดเส้นผมที่ผ่านการยืดมาควรเลือก แชมพูที่มีความอ่อนโยนและถนอมเส้นผมเป็นพิเศษไม่ควรเลือกใช้แชมพูที่มีค่าความเป็นด่างสูง ซึ่งจะทำให้เกล็ดผมเปิดมาก เมื่อเกร็ดผมเปิดมากเส้นผมจะไม่สามารถเก็บรักษาสารอาหารและความชุมชื้นได้ ส่งผลให้ผมแห้ง ชี้ฟูและขาดน้ำหนัก
6. หมั่นใช้ทรีตเม้นต์บำรุงเส้นผม ทรีตเม้นต์เป็นผลิตภัณฑ์อีกชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นในการบำรุงเส้นผมที่ผ่านการ ยืดผม ทรีตเม้นต์ที่ดีควรมีคุณสมบัติในการช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและ สารอาหารที่จำเป็นให้กับเส้นผม ปัจจุบันมีตั้งแต่ทรีตเม้นต์ ซูเปอร์ทรีตเม้นต์และครีมบำรุงเส้นผมให้เลือกมากมายหลายชนิด จนบางครั้งไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าควรเลือกทรีตเม้นต์ตัวไหนดี วิธีง่ายๆ ในการเลือกทรีตเม้นต์ให้พิจารณาจากส่วนผสมเป็นหลัก ที่สำคัญและขาดไม่ได้สำหรับทรีตเม้นต์ที่ดี คือ มีทั้งโปรตีนที่สกัดจากพืชและโปรตีนที่สกัดจากสัตว์แล้วแต่ความต้องการ แต่หากเป็นโปรตีนที่มีลักษณะเป็นโมเลกุลขนาดเล็กก็จะยิ่งดีเพราะมันสามารถซึม เข้าสู่เส้นผมเพื่อซ่อมแซมและช่วยชดเชยโปรตีนที่ขาดหายไปได้อย่างล่ำลึกกว่าหากมีเวลาก็อาจเลือกทรีตเม้นต์ชนิดที่หมักไว้แล้วล้างออก ซึ่งในปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่ามีทรีตเม้นต์ผลิตออกมาโดยเฉพาะ แต่ถ้าหากคุณไม่มีเวลานั่งหมักทรีตเมนต์ก็ไม่ต้องเสียใจเพราะปัจจุบัน ทรีตเม้นต์ชนิดที่ใช้แล้วไม่ต้องล้างออกก็มีวางขาย เพียงแต่ให้คุณสังเกตคุณสมบัติและส่วนประกอบสักนิดคุณก็จะได้ทรีตเม้นต์ที่ดีกลับไป ตัวที่ทางร้านแนะนำจะเป็นทรีทเม้นต์ที่มีส่วนผสมจากเคราตินคอมเพล็กซ์ เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมและเติมความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี โดยปกติถ้ามายืดผมกับทางร้านจะใส่ให้ลูกค้าทุกครั้งหลังยืดเสร็จฟรีด้วยนะคะ
7. ก่อนไดร์ผม ใส่เซรั่มก่อนทุกครั้ง จะทำให้ผมเราไม่เสียค่ะ เซรั่มที่ใส่จะช่วยในการปิดเกล็ดผม
เพื่อปกป้องเส้นผมจากมลภาวะและความร้อนจากไดร์เป่าผม( ย้ำว่าเซรั่มนะคะไม่ใช่ซิลกี้ ) เพื่อให้ความชุมชื้นอยู่ในเส้นผมได้นานขึ้น สามารถใช้หลังจากเราใส่ทรีทเม้นต์ด้วยก็ยิ่งดีค่ะ เพื่อนๆอย่าลืมหาเซรั่มดีๆสักขวดมาปิดเกล็ดผมนะคะ ส่วนทางร้านขอแนะนำเซรั่มของลอริอัลสีแดงขวดนี้นะคะ ตัวนี้จะไม่เหนียวเหนอะหนะ แล้วผมยังลื่นแลดูเงางามมากด้วย
8. หากต้องการทำสีผม เพื่อนต้องทราบก่อนว่าผมที่เคยทำสี หลังจากยืดผมแล้วสีจะหลุดออกหมด หรือถ้าเป็นผมสีเข้มก็จะซีดลง ดังนั้นหลายคนจึงอยากจะให้สีผมกลับมาเป็นเหมือนเดิม แนะนำว่าให้เว้นระยะไว้อย่างน้อย1อาทิตย์นะคะ แต่ถ้าสุขภาพผมแย่มากๆอาจจะต้องรอถึง1เดือนเลยก็เป็นได้ค่ะ
หวังว่าเพื่อนๆคงพอทราบถึงวิธีก่ารดูแลผมยืดให้ดูดี ไม่ชี้ฟู คุ้มค่ากับที่เราไปยืดผมมานะคะ
สามารถติดตามเราได้ที่ facebook.com/chomphusalonkorat
ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=love-actually-is&month=21-05-2006&group=2&gblog=2
https://www.facebook.com/notes/747916461898678/
http://yashima.exteen.com/20070209/entry
วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558
หลักง่ายๆทำได้ก็ไม่ยาก
วันนี้ลองเอาวิธีทางการตลาดที่ทางร้านทำมาลองให้เพื่อนๆอ่านดูนะครับ เผื่อว่ามีเพื่อนๆในเพจ ที่ทำร้านเสริมสวยที่กำลังท้อ ไม่รู้จะไปทางไหนกับเศรษฐกิจแบบนี้ดี
วิธีง่ายๆ ที่หลายๆ ร้านใช้ก็คือ ลดราคา หรือตัดราคา เป็นวิธีที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำได้เลย แต่…สิ่งที่ได้
1. คุณจะได้ลูกค้าที่สนใจเฉพาะเรื่องราคาเข้ามา เมื่อไรที่ราคาคุณสูงขึ้น พวกเค้าก็จะไม่มา
2. ร้านคุณจะกลายเป็นร้านราคาถูก ขายได้แต่ของราคาถูก ชีวิตนี้ไม่สามารถขายสินค้าราคาสูงได้เลย
3. จากข้อ 1-2 กำไรคุณจะน้อยลงเรื่อยๆ เพราะตัดราคากันไป กันมา
4. จากข้อ 3 ยิ่งทำ ยิ่งขาดทุน กำไรได้ก็ได้น้อย ยิ่งทำยิ่งเหนื่อย ยิ่งเหนื่อย ยิ่งหมดแรง สุดท้ายต้องออกจากสนามแข่งไป
5. ที่สำคัญหลังจากที่ออกจากสนามแล้วยังทิ้งภาระไว้ให้กับเพื่อนร่วมอาชีพอีกด้วย
ส่วนวิธียากๆ ที่น้อยร้านใช้ก็คือ การสร้างแบรนด์ เพราะ...
1. คุณจะได้ลูกค้าที่ชื่นชอบฝีมือและคุณภาพของเรา โดยที่ไม่ได้มองเรื่องราคาเป็นหลัก
2. ร้านคุณจะไม่มีคู่แข่งทางด้านคุณภาพ ตั้งราคาสูงได้ ลูกค้าซื้อเพราะความคิดตรงกัน ไม่ใช่ราคา
3. จากข้อ 1-2 กำไรคุณจะมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเรากำหนดราคาที่เหมาะสมได้
4. จากข้อ 3 ร้านพอเห็นผลกำไร ไม่ต้องเน้นเอาปริมาณลูกค้าเพื่อให้เห็นผลกำไร ยิ่งทำก็ยิ่งสบายใจ ยิ่งทำก็ยิ่งสนุก สุดท้ายคุณครองตลาดนี้ไปตลอด
การสร้างแบรนด์มีหลายวิธีครับ แต่วิธีที่ใช้ต้นทุนต่ำที่สุด คือ การสร้างแบรนด์ผ่าน Social Media ต่างๆ การอัพเพจอัพเวป ทำพอร์ทไว้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น
ท้ายนี้จึงอยากฝาก หลัก7Pไว้เพิ่มเติมนะครับ
หลัก 7Ps เป็นแนวคิดสำหรับการวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของสินค้าและบริการในด้านการตลาดโดยพิจารณาจากปัจจัย 7 ประการคือ
facebook.com/chomphusalonkorat
วิธีง่ายๆ ที่หลายๆ ร้านใช้ก็คือ ลดราคา หรือตัดราคา เป็นวิธีที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำได้เลย แต่…สิ่งที่ได้
1. คุณจะได้ลูกค้าที่สนใจเฉพาะเรื่องราคาเข้ามา เมื่อไรที่ราคาคุณสูงขึ้น พวกเค้าก็จะไม่มา
2. ร้านคุณจะกลายเป็นร้านราคาถูก ขายได้แต่ของราคาถูก ชีวิตนี้ไม่สามารถขายสินค้าราคาสูงได้เลย
3. จากข้อ 1-2 กำไรคุณจะน้อยลงเรื่อยๆ เพราะตัดราคากันไป กันมา
4. จากข้อ 3 ยิ่งทำ ยิ่งขาดทุน กำไรได้ก็ได้น้อย ยิ่งทำยิ่งเหนื่อย ยิ่งเหนื่อย ยิ่งหมดแรง สุดท้ายต้องออกจากสนามแข่งไป
5. ที่สำคัญหลังจากที่ออกจากสนามแล้วยังทิ้งภาระไว้ให้กับเพื่อนร่วมอาชีพอีกด้วย
ส่วนวิธียากๆ ที่น้อยร้านใช้ก็คือ การสร้างแบรนด์ เพราะ...
1. คุณจะได้ลูกค้าที่ชื่นชอบฝีมือและคุณภาพของเรา โดยที่ไม่ได้มองเรื่องราคาเป็นหลัก
2. ร้านคุณจะไม่มีคู่แข่งทางด้านคุณภาพ ตั้งราคาสูงได้ ลูกค้าซื้อเพราะความคิดตรงกัน ไม่ใช่ราคา
3. จากข้อ 1-2 กำไรคุณจะมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเรากำหนดราคาที่เหมาะสมได้
4. จากข้อ 3 ร้านพอเห็นผลกำไร ไม่ต้องเน้นเอาปริมาณลูกค้าเพื่อให้เห็นผลกำไร ยิ่งทำก็ยิ่งสบายใจ ยิ่งทำก็ยิ่งสนุก สุดท้ายคุณครองตลาดนี้ไปตลอด
การสร้างแบรนด์มีหลายวิธีครับ แต่วิธีที่ใช้ต้นทุนต่ำที่สุด คือ การสร้างแบรนด์ผ่าน Social Media ต่างๆ การอัพเพจอัพเวป ทำพอร์ทไว้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น
ท้ายนี้จึงอยากฝาก หลัก7Pไว้เพิ่มเติมนะครับ
หลัก 7Ps เป็นแนวคิดสำหรับการวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของสินค้าและบริการในด้านการตลาดโดยพิจารณาจากปัจจัย 7 ประการคือ
- Product - สินค้า หรือบริการ โดยพิจารณาจากการตอบสนองความต้องการของลูกค้า
- Price - ความเมาะสมของราคา กับคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับ เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันอื่นๆ
- Place - สถานที่จัดจำหน่าย หรือช่องทางในการจัดจำหน่าย ซึ่งจะพิจารณาจากความสะดวกและปริมาณของลูกค้า
- Promotion - การส่งเสริมการขาย ที่จะทำให้เกิดแรงจูงใจในการซื้อสินค้า
- People - ความรู้ความสามารถ และความน่าเชื่อถือของบุคลกร
- Physical Evidence - สิ่งที่ปรากฎต่อสายตาลูกค้า เช่น สี รูปร่าง แพ็คเกจ บรรยากาศภายในร้าน เป็นต้น
- Process - กระบวนการในการจัดการด้านการบริการ ที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ และเกิดความภักดีในตัวสินค้า
facebook.com/chomphusalonkorat
วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558
ยืดผมแบบวอลลุ่ม สวยสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลี
บอกลาการยืดผมแบบเดิมๆ ไปได้เลยจ้ะสาวๆ เพราะเทรนด์การยืดผมแบบใหม่ ที่ไม่ทำให้ผมคุณตรงแหน่ว เป็นทรงไดร์ดิ่งแบบพี่โป่งหินเหล็กไฟ ด้วยการ “ยืดผมแบบวอลลุ่ม” ที่จะทำให้ผมของคุณพลิ้วสวย ไม่ลีบแบน ราวกับว่าผมฉันตรงมาตั้งแต่เกิด!
✿ ยืดผมแบบวอลลุ่มคืออะไร?
การยืดผมแบบวอลลุ่มนั้น คือการยืดผมโดยอาศัยเทคนิคการยกบริเวณโคนผมให้ดูพอง และม้วนปลายผมให้งุ้มเข้าหาตัว หากมีผมหน้าม้า ก็สามารถยืดบริเวณผมหน้าม้าเพื่อเพิ่มวอลลุ่มได้เช่นกัน คือผมหน้าม้าของคุณก็จะดูพองๆ ไม่ลีบแบน คาวาอิ๊ตามแบบฉบับเจแปนนีสเกิร์ล จริงๆ แล้วเทรนด์การยืดผมแบบนี้ในเกาหลีญี่ปุ่นเค้ามีกันมานานแล้วนะ แต่บ้านเราเพิ่งจะมาฮิตกันเมื่อสองสามปีที่แล้วนี่เอง
ซึ่งการยืดผมด้วยวิธีนี้จะช่วยให้ผมดูพลิ้วสวย และมีวอลลุ่มขึ้น ต่างจากการยืดแบบเดิมที่ผ่านมา เพราะวิธีเดิมๆ หลังการยืดผมจะทำให้เส้นผมลีบแบนติดหนังศีรษะดูไม่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะหากคุณสาวๆ เป็นคนรูปหน้าเหลี่ยมแล้วล่ะก็... การยืดผมแล้วลีบแบนยิ่งจะทำให้เห็นโครงหน้าของคุณชัดขึ้นไปอีก! ไม่ควรค่ะไม่ควร
การยืดผมแบบวอลลุ่มนี้เหมาะมากกับสาวที่มีผมเส้นเล็กและลีบแบน เพราะจะช่วยให้เส้นผมของคุณมีมิติ ดูหนาขึ้น ดูนุ่มลื่นราวกับทำแฮร์สปา (เอ๊ะ! คุ้นๆ) อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาให้กับสาวผมหยิก หยักโศก หรือสาวๆ ที่ต้องการยืดผมตรง แต่ไม่อยากได้ผมตรงทรงไดร์ดิ่ง ลีบแบน วิธีการยืดผมแบบนี้แหละเหมาะกับคุณที่สุด!
Tips ดีๆ ที่ควรรู้ก่อนและหลังการยืดผม
❀ หากต้องการยืดผม อันดับแรกควรดูสภาพเส้นผมของเราก่อนว่าแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน รีดผมบ่อยไหม ผมแห้งช็อตหรือเสียมากไหม สุขภาพหนังศีรษะของเราเป็นอย่างไร เพราะหากมีแผลบนหนังศีรษะควรรักษาให้หายก่อนทำการยืดผม เพราะน้ำยายืดผมอาจไปทำให้แผลบนหนังศีรษะของเราอักเสบมากขึ้น
❀ เช็คดูว่าธรรมชาติของเส้นผมตัวเองนั้นหยิกมากน้อยแค่ไหน แล้วควรถามช่างก่อนทุกครั้งว่าใช้น้ำยายืดผมชนิดไหนจึงจะเหมาะสมกับสภาพผม ซึ่งตรงนี้ทางร้านชมพูซาลอนจะมีสูตรเฉพาะที่ใช้การตวงน้ำยาเพื่อให้เหมาะกับสภาพผมลูกค้ามากที่สุด ลูกค้าสามารถมั่นใจได้จากประสบการณ์ของทางร้านค่ะ
❀ ไม่ควรสระผมหรือทำให้ผมไปโดนน้ำหรือทำกิจกรรมใดๆที่ต้องมีเหงื่อมาโดนผมหลังการยืดผมอย่างน้อย 3 วัน เพราะปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างน้ำยายืดผมกับเส้นผมยังคงอยู่
❀ หากต้องการทำสีผม ควรเว้นระยะเพื่อบำรุงผมให้แข็งแรงสัก 1-2 เดือนก่อนนะ เพราะสารเคมีจากน้ำยาทำสีผมจะไปเพิ่มความรุนแรงในการทำร้ายเส้นผมของเรามากขึ้นไปอีก เพราะถ้าไม่เว้นระยะเพื่อพักผมก่อน ต่อให้ยืดผมมาสวยแค่ไหนก็ไม่ช่วยจ้ะ แล้วก็ทางร้านไม่รับทำสีพร้อมยืดนะคะ หัวพังค่ะ!!!พูดเลย!!!!!!
❀ เลือกเข้าไปรับบริการจากร้านทำผมที่ช่างผมมีความชำนาญและน่าเชื่อถือ
ชมพูซาลอนเองก็ขอเป็นตัวเลือกหนึ่งให้เพื่อนๆได้แวะเข้ามาใช้บริการยืดผมวอลลุ่ม ด้วยสูตรน้ำยาเฉพาะของทางร้าน วิธีการที่ได้รับการถ่ายทอดจากอาจารย์ทำผมมืออาชีพชาวญี่ปุ่นโดยตรง และประสบการณ์ในการทำผมมากว่า14ปีค่ะ
แวะมาเยี่ยมชมผลงานกันได้ที่ ชมพูซาลอน ร้านเสริมสวยที่ซื่อตรงที่สุดในตัวเมืองโคราช
ที่มา http://beauty.wongnai.com/articles/volume-hair-straightening-trend
แวะมาเยี่ยมชมผลงานกันได้ที่ ชมพูซาลอน ร้านเสริมสวยที่ซื่อตรงที่สุดในตัวเมืองโคราช
ที่มา http://beauty.wongnai.com/articles/volume-hair-straightening-trend
วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558
ล้างสี กัดสี ฟอกสี ยังไงดี?
สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เขียนบล็อคมานาน วันนี้ไปได้ไอเดียจากคำถามลูกค้าเรื่อง การล้างสี กัดสี ฟอกสี เลยอยากเอาความรู้และประสบการณ์มาเล่าให้ฟังนะคะ
จุดเริ่มต้น
ไปทำสีดำหรือสีน้ำตาลเข้มน้ำตาลกลาง (บางยี่ห้อมันเข้มเหมือนกันจนเกือบๆดำก็งงนิดๆเอาเป็นว่าสีเข้มละกันเนอะ) แล้วอยากจะทำสีผมแฟชั่น ซึ่งถ้าเอาสีแฟชั่นลงเลย ไม่ติดแน่นอนค่ะ ลองคิดง่ายๆตามหลักแม่สี สีดำมันจะกลืนสีอื่นๆไปหมด ดังนั้นจึงเกิดการที่ต้องล้างสีเข้มพวกนี้ให้จางลงก่อนที่จะทำสีแฟชั่น เลยมีการนำผงบลีชและไฮโดรเจนมาใช้แล้วเรียกขั้นตอนเหล่านี้ว่า การฟอกสี หรือการกัดสี หรือล้างสีนั่นแหละ
ทีนี้มันต่างกันตรงนี้ค่ะ
การล้างสีมันกว้าง สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผงบลีช หรือการเอาสีที่อ่อนที่สุดมาทำให้สีเข้มเหล่านั้นจางลง ตรงนี้ขึ้นอยู่กับร้านเองแล้วค่ะว่าเค้าจะทำการล้างสีให้เราโดยใช้วิธีไหน
สำหรับคนที่เจอร้านที่บอกว่าให้ล้างสี
ลองถามวิธีการล้างสีดูนะคะว่าเค้าจะใช้อะไรล้างสี ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ล้างสีผมออกมาเป็นจำนวนมาก อยากให้ลูกค้าทราบนิดนะคะว่า ในผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนผสมของผงบลีชซึ่งสูตรทางเคมีของมันจะมีคลอไรด์เป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่เค้าก็จะใส่มาในรายละเอียดเคมีที่ใช้หลังขวด แล้วก็ไฮโดรเจนซึ่งบางเจ้าจะเรียกว่าdeveloperให้ดูที่%นะคะ ว่า%มากหรือน้อย แล้วทีนี้ขั้นตอนในการทำเค้าลงโคนผมหรือเปล่า สำหรับคนที่ทำไปประมาณ1เดือนผมคนเราจะยาวขึ้น3-5ซ.ม. ถ้าลงโคนด้วยมันจะทำให้โคนสว่างกว่าปลายผมนะ แล้วที่สำคัญดูสุขภาพผมตัวเองด้วยนะคะว่าไหวไหม
แชมพูล้างสี ที่ต้องใช้บ่อยๆ(แต่ห้ามใช้ทุกวันเพราะผมจะแห้งเสีย -*- มีแต่ด้วย)
จากประสบการณ์ที่ได้เห็นจากหัวลูกค้าที่ใช้แชมพูแบบนี้มา หัวด่างทุกคนค่ะ จบนะคะ
ส่วนวิธีการของชมพูซาลอน
ใช้การลงสีเพื่อไล่ระดับสีลดความเข้มของสีลง เมื่อได้ระดับความเข้มสีที่ต้องการสามารถเปลี่ยนเป็นสีตามที่ต้องการได้ ตรงนี้ต้องใช้ความชำนาญในการตวงสีและแม่สีอย่างมากค่ะ ทางร้านจะไม่กัดสี ฟอกสี หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีผงบลีชเลย เหตุผลคือผมจะแห้งเสียค่ะ อย่าลืมว่าปัจจุบันรีดผมกันมาทั้งนั้น ผมที่แห้งอยู่แล้วมาโดนผงบลีชและไฮโดรเจน ไม่รอดคะ รอมาตัดออกได้เลย
สุดท้ายสำหรับบทความนี้
ทางร้านหวังว่า ลูกค้าที่ได้อ่านบทความนี้คงเข้าใจอย่างหนึ่งว่า "อย่าให้เพื่อนที่ไม่มีทักษะในการทำผมทำให้" เพราะถ้าทำแล้วมันด่างเป็นขั้นๆๆๆ แล้วที่สำคัญมันด่างเพราะสีเข้มด้วย แก้ยากมากที่สุดในสามโลกเลยค่ะ แวะเข้าร้านเสริมสวยเพื่อให้ทางร้านที่มีความชำนาญเค้าจัดการให้ดีกว่านะคะ ส่วนเวลาจะทำสีผมให้เรียบร้อยแค่น้ำตาลกลางก็จะเหมือนสีผมธรรมชาติของคนไทยแล้วจ้า
จุดเริ่มต้น
ไปทำสีดำหรือสีน้ำตาลเข้มน้ำตาลกลาง (บางยี่ห้อมันเข้มเหมือนกันจนเกือบๆดำก็งงนิดๆเอาเป็นว่าสีเข้มละกันเนอะ) แล้วอยากจะทำสีผมแฟชั่น ซึ่งถ้าเอาสีแฟชั่นลงเลย ไม่ติดแน่นอนค่ะ ลองคิดง่ายๆตามหลักแม่สี สีดำมันจะกลืนสีอื่นๆไปหมด ดังนั้นจึงเกิดการที่ต้องล้างสีเข้มพวกนี้ให้จางลงก่อนที่จะทำสีแฟชั่น เลยมีการนำผงบลีชและไฮโดรเจนมาใช้แล้วเรียกขั้นตอนเหล่านี้ว่า การฟอกสี หรือการกัดสี หรือล้างสีนั่นแหละ
ทีนี้มันต่างกันตรงนี้ค่ะ
การล้างสีมันกว้าง สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผงบลีช หรือการเอาสีที่อ่อนที่สุดมาทำให้สีเข้มเหล่านั้นจางลง ตรงนี้ขึ้นอยู่กับร้านเองแล้วค่ะว่าเค้าจะทำการล้างสีให้เราโดยใช้วิธีไหน
สำหรับคนที่เจอร้านที่บอกว่าให้ล้างสี
ลองถามวิธีการล้างสีดูนะคะว่าเค้าจะใช้อะไรล้างสี ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ล้างสีผมออกมาเป็นจำนวนมาก อยากให้ลูกค้าทราบนิดนะคะว่า ในผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนผสมของผงบลีชซึ่งสูตรทางเคมีของมันจะมีคลอไรด์เป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่เค้าก็จะใส่มาในรายละเอียดเคมีที่ใช้หลังขวด แล้วก็ไฮโดรเจนซึ่งบางเจ้าจะเรียกว่าdeveloperให้ดูที่%นะคะ ว่า%มากหรือน้อย แล้วทีนี้ขั้นตอนในการทำเค้าลงโคนผมหรือเปล่า สำหรับคนที่ทำไปประมาณ1เดือนผมคนเราจะยาวขึ้น3-5ซ.ม. ถ้าลงโคนด้วยมันจะทำให้โคนสว่างกว่าปลายผมนะ แล้วที่สำคัญดูสุขภาพผมตัวเองด้วยนะคะว่าไหวไหม
แชมพูล้างสี ที่ต้องใช้บ่อยๆ(แต่ห้ามใช้ทุกวันเพราะผมจะแห้งเสีย -*- มีแต่ด้วย)
จากประสบการณ์ที่ได้เห็นจากหัวลูกค้าที่ใช้แชมพูแบบนี้มา หัวด่างทุกคนค่ะ จบนะคะ
ส่วนวิธีการของชมพูซาลอน
ใช้การลงสีเพื่อไล่ระดับสีลดความเข้มของสีลง เมื่อได้ระดับความเข้มสีที่ต้องการสามารถเปลี่ยนเป็นสีตามที่ต้องการได้ ตรงนี้ต้องใช้ความชำนาญในการตวงสีและแม่สีอย่างมากค่ะ ทางร้านจะไม่กัดสี ฟอกสี หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีผงบลีชเลย เหตุผลคือผมจะแห้งเสียค่ะ อย่าลืมว่าปัจจุบันรีดผมกันมาทั้งนั้น ผมที่แห้งอยู่แล้วมาโดนผงบลีชและไฮโดรเจน ไม่รอดคะ รอมาตัดออกได้เลย
สุดท้ายสำหรับบทความนี้
ทางร้านหวังว่า ลูกค้าที่ได้อ่านบทความนี้คงเข้าใจอย่างหนึ่งว่า "อย่าให้เพื่อนที่ไม่มีทักษะในการทำผมทำให้" เพราะถ้าทำแล้วมันด่างเป็นขั้นๆๆๆ แล้วที่สำคัญมันด่างเพราะสีเข้มด้วย แก้ยากมากที่สุดในสามโลกเลยค่ะ แวะเข้าร้านเสริมสวยเพื่อให้ทางร้านที่มีความชำนาญเค้าจัดการให้ดีกว่านะคะ ส่วนเวลาจะทำสีผมให้เรียบร้อยแค่น้ำตาลกลางก็จะเหมือนสีผมธรรมชาติของคนไทยแล้วจ้า
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ยืดผมเคราติน Q: ยืดเคราตินคืออะไร A: การยืดพร้อมบำรุงเคราตินไปในตัว Q: ยืดเคราตินดีอย่างไร A: ผมจะนุ่มขึ้น เงาขึ้น ดูสวยมีน้ำหนั...
-
ข้อควรระวังหลังการยืดผม เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนที่นิยมเข้าร้านเสริมสวยเพื่อ ยืดผม หวังว่าจะให้มีผมที่ตรงสวยและไม่ชี้ฟู ไม่ต้องกังวลมา...
-
มาแล้วค่าเพื่อนๆ วันนี่ชมพูซาลอนขอนำเสนอหัวข้อเ รื่อง "การดูแลผมดัดยังไงไม่ให้เสียทร ง" เรามาทำความเข้าใจกับคำว่าการดั ดผมก่อนน...
-
สวัสดีคะเพื่อนๆ วันนี้มีลูกค้าของทางร้านมาถามว ่า "พี่คะถ้าผมหนูยืดผมคิดราคาเท่า ไหร่....แล้วถ้าเป็นรีบอนดิ้งล่ ะคะ???" เลยต้องนำข...